หลายปีก่อนมีการพูดถึง Passive Income กันเยอะมาก ว่าถ้าอยากรวย ต้องมี Passive Income เท่านั้น ซึ่งจริงมั๊ย จริงครับ แต่ส่วนใหญ่มักไม่ได้พูดถึง ข้อเสียกันเลยนะ
คลิปนี้เลยจะมาเล่าให้ฟังถึงข้อเสียนั้นเองนะ
แต่ยังไงก็ขอลงรายละเอียดเรื่อง Passive Income ให้เข้าใจกันก่อนนะ โดย Passive Income คือรายได้ที่เราไม่ต้องทำงาน ก็มีรายได้ขึ้นมา ซึ่งทุกวันนี้ เราทำงาน ได้เงิน ถ้าเราลาออก ก็ไม่มีเงินเหลือ แค่นั้นเลย แบบนี้เรียกว่า Active Income เอา งานสร้างเงินนั้นเอง แต่ถ้า Passive Income จะเป็นการเอาสินทรัพย์สร้างเงินแทน ดังนั้น เราไม่ทำงาน ก็มีรายได้ได้ ถ้าเรามีสินทรัพย์บางอย่างที่สร้างรายได้ ได้ ก็ถ้าง่ายๆก็ เงินฝาก หุ้นกู้ หุ้น กองทุนต่างๆ อสังหา ธุรกิจต่างๆ นั้นเองนะ
ที่นี้ก็ลองมาฟัง ข้อเสีย ที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงเท่าไหร่กันดีกว่า
1.หุ้นกู้ ก็จะเป็นการลงทุนแบบนึง ที่คนแนะนำกันเยอะ เพราะว่าส่วนใหญ่จะบอกว่าเงินต้นไม่ลด และได้ผลตอบแทนตามที่เราต้องการเลยนั้นเองนะ ซึ่งมันจะมีความเสี่ยงเล็กอยู่ 1 อย่างคือเวลาที่เราต้องการขายกระทันหัน ถ้าเป็นช่วงดอกเบี๊ยขาขึ้น หรือ บริษัทออกหุ้นกู้ตัวใหม่ที่ดอกเบี๊ยสูงขึ้น เวลาเราขายจริง เรามักจะขาดทุน เพราะขายได้ราคาต่ำกว่าเดิม ตามดอกเบี๊ยที่สูงขึ้นมาด้วย แต่ถ้าเราถือจนหมดอายุ ก็ไม่เป็นไร
อีกเรื่องนึงที่เป็นเรื่องใหญ่เลยคือ ถ้าบริษัทที่ปล่อยหุ้นกู้ให้เรา เจ๊ง เราก็จะเสียหายบางส่วน ซึ่งถ้าพูดกันตามหลักคือ เราถือหุ้นกู้ในฐานะเจ้าหนี้ ทำให้เรายังมีสิทธิ์ที่จะได้เงินก่อน นักลงทุนที่ซื้อหุ้น แต่ถ้าในความจริง บริษัทที่ล้มละลาย ส่วนใหญ่มักจะไม่เหลืออะไรเลย หรือยิ่งบริษัทที่ใช้วิธีโกงเลยอย่างที่ผ่านมา ifec earth ที่เล่นกลสร้างบัญชีขึ้นมา แต่สุดท้ายความแตก และบริษัทไม่เหลืออะไรเลย ขนาดผู้ถือหุ้นกู้ยังแทบไม่ได้อะไรคืนเลย ส่วนผู้ถือหุ้นก็ไม่ต้องพูดถึงเลยนะ เป็น 0 ไปเลยนะ
2.หุ้น ก็จะเป็นการลงทุนที่ทุกคนบอกว่าดี และคนรวยส่วนนึงก็มาจากเรื่องหุ้นนะ โดยมักจะท่องจำกันว่า หุ้นจะสร้างผลตอบแทน 8% ต่อปี เพราะว่าเอามาจากข้อมูลย้อนหลังนั้นเองนะ
อย่างเช่นปี 2547 – 2556 เป็น 10 ปี ที่เราถือหุ้นแล้วได้ผลตอบแทนต่ำสุด ก็ยังมีผลตอบแทนเฉลี่ย 9.78% ต่อปีเลย
แต่ปัญหาคือ พอเรามาลงทุนหุ้นจริงๆ ผมเชื่อว่าเกิน 90% จะเสียหาย เต็มที่ก็เท่าทุน เท่านั้นเอง
เพราะเวลาที่เรามาสนใจหุ้น ส่วนใหญ่มันเป็นช่วงที่หุ้นขึ้นมาแล้ว คนถึงได้สนใจ ทำให้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาซื้อสะสมแล้ว ทีนี้พอหุ้นมันลงไป เราก็ทนขาดทุนไม่ไหว แล้วก็ขายไปหมด เพราะเห็นคนอื่นกำไรกันหมดจนเครียด สุดท้ายก็ขาดทุน ไปเล่นตัวใหม่ที่กำลังวิ่ง หวังกำไร แล้วก็วนลูปประมาณนี้นะครับ
ก็บอกตรงๆนะว่า เคยเห็นคนเอาเงิน 20 ล้าน มาเล่นหุ้น 1 ปี หมดตัวเลยนะ
แล้วก็บอกก่อนนะว่า การเล่นหุ้น มันก็มีคนที่ซื้อตอนหุ้นขึ้น และคนที่ซื้อตอนหุ้นลง ซึ่งทั้ง 2 แบบ ก็มีคนที่กำไร และ ขาดทุนนะ ส่วนตัวก็ยอมรับ ผมเองก็ ซื้อทั้งหุ้นขึ้นหุ้นลงเลย แต่ขาดทุน 5555
3.หุ้นในบัญชีมาร์จิ้น Tfex Blocktrade
ก็จะเป็นอีกอย่างนึง ที่มักจะอันตรายมากๆเลยนะ เพราะว่าการใช้เงินกู้มาช่วยเล่นทำให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น ความเสี่ยงก็สูงขึ้นด้วย ส่วนใหญ่ก็มักจะบอกว่า หุ้นขึ้น 1% เราได้กำไร 1% แต่ถ้าเราเล่นมาร์จิ้น เราได้กำไร 2% ถ้าเล่นเล่น Tfex เราได้กำไร 5-10% ถ้าเราเล่น Blocktrade เราจะได้กำไร 10-30% เลยนะ แต่เขาไม่ได้บอกว่า ถ้าหุ้นลง กี่ % จะหมดตัวนะ อย่าง Blocktrade หุ้นลงสัก 3-10% เราก็หมดตัวแล้ว Tfex หุ้นลงสัก 10-20% ก็หมดตัวแล้ว ซึ่งสุดท้ายพอพูดถึงหุ้นลง ก็คงจะแนะนำกลับว่า ไป Shorts สิครับ จะได้กำไรขาลงด้วยนะ ซึ่งส่วนตัวผมเองก็เคยเล่นนะ ทั้ง Long และ Shorts เลยนะ ซึ่งถ้าเอาภาษาชาวบ้านก็ ถ้าซื้อก่อนขาย และ ขายก่อนซื้อ เลยนะ แล้วก็ขาดทุนทั้งคู่ 555
4.สินทรัพย์ทางเลือก ค่าเงิน ทองคำ bitcoin ก็ไม่ได้อคติกับ Bitcoin หรืออะไรนะ แต่ผมซื้อที่ 2 ล้าน ตอนนี้เหลือไม่ถึงล้าน โชคดี ซื้อไม่เยอะ เลยเสียหายไม่มาก ก็ไม่รู้ว่า คนที่เอาเงินทั้งหมดไปเล่นจะเป็นยังไงบ้าง หรือคนที่ใช้เงินกู้ด้วยนะ อย่าคนที่ไลฟ์สดเทรดโชว์ ก็มีเสียหายหนัก สูญเงินกว่า 15 ล้านบาท ตามลิ้งนี้เลยนะครับ
5.อสังหาริมทรัพย์ ก็เป็นตัวสร้าง Passive Income ที่ได้รับผลตอบแทนสูง ถ้าเราใช้หนี้บ้านมาเป็นตัวช่วยได้ดีมากๆเลยนะครับ เป็นตัวอย่างของ พ่อรวยสอนลูก ด้วยในการอยากเป็นคนรวย ซึ่งปัญหาคือ เราโลภไง คิดว่าที่เดียวรวยเลย หรือว่าเจอคอนโดที่มาโฆษณาประมาณว่า ให้เราซื้อปล่อยเช่า หรือโดนหลอกไปซื้อคอนโดเลยก็มีเยอะแยะ เพราะว่าถ้าเราพลาดไปซื้อคอนโดที่ไม่ดี ไม่สามารถหาคนเช่าได้ จนสุดท้ายเราต้องเอาเงินมาจ่ายดอกเบี๊ยบ้านหมดเลย ก็เริ่มไม่ดีแล้ว ถ้าเจอคอนโดที่ปัญหาเยอะ จุกจิก ของพังง่าย ก็ซวย เจอคนเช่าเลวร้าย ก็เหนื่อย แล้วถ้าเขาทำผิดกฎหมาย ขายบริการ หรือ ยาเสพติด งานเข้าเลยนะ และอีกอย่างนึงคือ พอมีคอนโดเยอะๆ แต่คนเช่าน้อย ผลก็คือ ค่าเช่าต่ำลง เพราะคนต้องแย่งกันหาลูกค้า แล้วถ้าค่าเช่าต่ำกว่าดอกเบี๊ย คือ Passive Outcome แทนเลยนะ อนาคตไปดอกเบี๊ยน่าจะขึ้นด้วย บอกเลยว่า เหนื่อยแน่นอนนะ
ก็เป็นประมาณนี้นะ สำหรับ Passice Income กับ ข้อเสีย ที่ไม่ได้พูดถึง ก็หวังว่าจะได้เห็นข้อเสียแล้วไปป้องกัน ระวังตัวกันมากขึ้นนะครับ ไม่ใช่เห็นข้อเสียแล้วไม่กล้าทำอะไรก็ไม่ได้นะ ทุกอย่างมีความเสี่ยง ขอให้เรารู้ว่า ความเสี่ยงคืออะไร แล้วจะแก้ยังไง ป้องกันเอาไว้ แค่นั้นเองนะครับ ก็จะช่วยให้อนาคตของเรา ไม่เจอปัญหาอะไรมากมายแล้วนะครับ สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกคนโชคดี ไม่โชคร้ายเหมือนผมนะครับ 5555
ผ่อนยืมกู้ออม ปัญหาเรื่องเงิน