สนใจสินเชื่อตัวอื่นๆ กดลิ้งนี้เลยจ้า https://problemmoney.com/allloan/
หนีหนี้ ไม่จ่ายหนี้ เบี้ยวหนี้ จะเจออะไรบ้าง โดนอะไรบ้าง คิดดีๆก่อนหนีหนี้
เป็นหนี้ก็ต้องจ่ายเพราะเราสร้างเอง เราก็ต้องจัดการเองนะครับ แต่ก็มีบางคนที่พยายาม จะหนีหนี้ เอาเงินมาแล้วตีเนียนไม่จ่ายอยู่แล้ว แต่ก็มีบางคนที่ ไม่ได้ตั้งใจหนีหนี้ แต่เพราะมันไม่มีเงินจริงๆ ก็เลยไม่ได้จ่ายหนี้ด้วย ซึ่งธนาคารเขาไม่รู้หรอก ดังนั้น การหนีหนี้ ก็จะโดนคล้ายๆกันหมดอยู่ดีนะ
สวัสดี
สำหรับการไม่เราไม่จ่ายหนี้ ช่วงแรกๆ หรือหลังจาก 1 วันที่เราจ่ายหนี้ช้าจากวันครบกำหนด ก็จะเจอกับ การโดนติดตามทวงหนี้เลย อาจจะเป็น SMS จดหมาย ระบบอัตโนมัติ มาก่อน เพราะว่าธนาคารมองว่า เราอาจแค่ลืมเฉยๆ
แต่ถ้าเกิด 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน อันนี้โทรจริงจังแล้วนะ ซึ่งตามกฎหมายแล้ว จะโทรได้วันละ 1 ครั้ง เมื่อลูกหนี้ รับสายนะ ถ้าลูกหนี้ หรือเรา ไม่รับสาย ปิดเครื่องหนี เขาก็อาจติดต่อไปที่ทำงาน หรือ ที่อื่น อทนก็ได้นะครับ
และมีค่าโทรตามหนี้ด้วยนะ โดยหนี้ที่น้อยกว่า 1000 บาท จะไม่คิด แต่ถ้ามากกว่านั้น ภายใน 30 วันแรก จะคิดค่าทวงหนี้ 50 บาท และหลังจากนั้น จะคิดค่าทวงหนี้ 100 บาท ต่อครั้ง นะครับ ถ้าเขาขยันโทรหาทุกวัน เดือนนึงเราก็ต้องจ่าย 3000 บาทเลย ยังไงก็ระวังด้วย
ต่อมาก็จะเป็นเรื่องเสียเครดิต ซึ่งข้อมูลการที่เราไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ก็จะไปโผล่ในประวัติเครดิตบูโรด้วย เพราะตามกฎหมายแล้ว สินเชื่อในระบบทุกตัว ต้องส่งรายงานเรื่องเครดิตบูโรด้วย ที่นี้พอเราไม่จ่ายเงิน ผลก็คือ โอกาสในอนาคตเวลาเราขอสินเชื่อ กู้ซื้อบ้าน ซื้อรถ ก็คงจะยากขึ้น เพราะธนาคารทุกธนาคารก็จะเห็นว่า เราเคย ไม่จ่ายเงินนั้นเองนะ แต่ก็ยังโชคดีที่ว่า เครดิตบูโร จะบันทึก ประวัติย้อนหลัง 36 เดือน ก็นับจากวันที่เราจ่ายหนี้คงค้างหมดแล้ว ไม่ค้างชำระแล้ว ก็รออีก 36 เดือนเท่านั้นเอง
การเสียเครดิต ก็ไม่ได้มีเรื่อง ประวัติในเครดิตบูโรด้วย เพราะธนาคารเองย่อมเก็บข้อมูลเอาไว้ แล้วก็ไม่รู้จะเก็บนานแค่ไหนด้วย ถ้าที่เราไปจ่ายช้า หรือ หนีไปเลย มันก็ค่อนข้างแน่แล้วว่า ธนาคารคงไม่ยอมปล่อยสินเชื่อให้กับคนที่เคยหนีหนี้กับธนาคารแน่ๆ
เครดิตมันสร้างยาก แต่มันพังง่ายมากๆเลยนะ
ต่อมา ประมาณ 3 เดือนไป ก็จะเป็นเรื่องการถูกฟ้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าหนี้จะนัดวันเวลา ให้เราไปเจรจา ไกล่เกลี่ยหนี้ อาจจะมีข้อเสนอต่างๆ เช่น ลดดอกเบี๊ย ยืดเวลาผ่อน Hair Cut หนี้ หรือ อะไรก็ว่าไป ก็อยู่ที่จะตกลงกันว่ายังไง
แต่ถ้ายังไม่ยอม ตกลงไม่ได้ รอหมายศาลมาได้เลย ซึ่งปกติแล้ว เจ้าหนี้ส่วนใหญ่ ชนะคดี โอกาสแพ้น้อยมาก ทั้งเรื่องที่ทำคดีบ่อย เชียวชาญ และเรื่องที่ เราไปกู้เงิน แล้วผิดสัญญาเอง ยังไงก็แพ้ แต่เราก็ควรไปศาล เพื่อขอลดหนี้บางส่วน หรือ การที่เจ้าหนี้ทำอะไรผิดกฎหมาย ก็อาจฟ้องคืนได้ แต่ถ้าเราไม่ไปศาล ศาลก็จะเหลือแต่เจ้าหนี้ ที่นี้ไม่มีใครช่วยอะไรได้แล้วนะ เพราะเจ้าหนี้ก็คงจะจัดการให้เราจ่ายเต็มที่แน่นอน
หลังจากจบเรื่องศาลแล้ว ถ้าเรายังไม่ยอมไปจ่ายเงิน ชำระหนี้ ก็จะโดยหมายบังคับคดี ให้ยึด หรือ อายัดทรัพย์สินลูกหนี้ รวมถึง เงินเดือนที่ได้จากบริษัทที่ทำงานด้วย เพื่อนำไปขายทอดตลาด และนำเงินที่ได้มาชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้จนครบตามจำนวน
ซึ่งก็จะมีรายละเอียดที่ต้องรู้คือ
ทรัพย์สินที่สามารถยึดได้
– ของมีค่า เครื่องประดับทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น เพชร พลอย นาฬิกา และของสะสมที่มีมูลค่า
– บ้าน ที่ดิน และถึงแม้ว่าจะยังติดจำนองอยู่ก็สามารถที่จะยึดได้เช่นกัน
– รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของลูกหนี้ และไม่ได้เป็นเครื่องมือในการประกอบอาชีพ
– เงินในบัญชีเงินฝาก หรือเงินปันผลจากการลงทุน
– ทรัพย์สินที่เป็นการลงทุน อาทิ หุ้น ทองคำ ตราสารหนี้ หรือกองทุน
– เงินเดือนจากการทำงานของลูกหนี้ที่เป็นพนักงานบริษัทเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ แต่ต้องมีรายได้เกินกว่า 20,000 บาทต่อเดือน ถึงจะยึดได้
ทรัพย์สินที่ไม่สามารถยึดได้
– ของใช้ส่วนตัว เช่น เสื้อผ้า โต๊ะ เก้าอี้ ที่มีมูลค่ารวมกันไม่เกิน 20,000 บาท (หากเกินสามารถถูกยึดได้)
– เครื่องมือในการประกอบอาชีพของลูกหนี้ ที่มีมูลค่ารวมกันไม่เกิน 100,000 บาท (หากเกินสามารถถูกยึดได้)
– ทรัพย์สินที่โอนกันไม่ได้ตามกฎหมาย เช่น รถยนต์หรือจักรยานยนต์ที่ติดไฟแนนซ์
– สัตว์ สิ่งของ เครื่องใช้ ที่จำเป็นต้องใช้ทำหน้าที่ช่วยเหลือแทนอวัยวะของลูกหนี้
– เงินเดือน ค่าจ้าง บํานาญ บําเหน็จ เบี้ยหวัดของลูกหนี้ที่เป็นข้าราชการ จะไม่สามารถทำการยึดหรืออายัดได้ หรือหากเป็นเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ แล้วเงินเดือนไม่ถึง 20,000 บาท ก็ยึดหรืออายัดไม่ได้เช่นกัน
– เงินเบี้ยเลี้ยงชีพ
– รายได้ที่บุคคลอื่นมอบให้เพื่อเลี้ยงชีพ แต่ต้องมีจำนวนไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน (หากเกินสามารถถูกยึดได้)
– บำเหน็จ หรือรายได้อื่น ๆ ในลักษณะเดียวกัน ของพนักงานที่ไม่ใช่หน่วยงานราชการ ที่มีจำนวนไม่เกิน 300,000 บาท (หากเกินสามารถถูกยึดได้)
– เงินฌาปนกิจสงเคราะห์
และปลายทางของการที่เราไม่จ่ายหนี้ จนศาลฟ้อง แล้วมองว่า หนี้เยอะ ไม่มีทางคืนได้แน่นอน หนี้เกิน 1 ล้านบาท ก็จะเป็นคนล้มละลายทั้งที ไม่สามารถทำธุรกรรมการเงินได้ เปิดบัญชีธนาคารก็ไม่ได้ ไปต่างประเทศก็ไม่ได้ และต้องรอ 3 ปีเป็นอย่างน้อย ถึงจะพ้นสถานะล้มลายโดยต้องไปรายงานตัวต่อศาลเรื่อยๆ ถ้าหนีศาลอีก ก็จะเพิ่มเป็น 5 ปี 10 ปี ได้เลย
ส่วนเรื่อง ถูกฟ้องไม่จ่ายหนี้ ติดคุกไหม ก็ต้องบอกว่า เป็นคดีแพ่ง ไม่สามารถถูกจับ หรือ คุมขังได้นะ
ยังไงก็ตาม ผมเชื่อว่า คนที่มาดูคลิปนี้ คงก็จะมี 2 แบบคือ ลืมจ่าย ก็ไม่มีอะไร จ่ายตามปกติ แล้วอย่าลืมอีกก็พอ กับคนที่ ตั้งใจว่าจะไม่จ่ายแล้ว ซึ่งก็แล้วแต่คนนะ ถ้าหนี้มันเยอะเกินไปจนจ่ายไม่ได้ การหยุดจ่าย แล้วไปตกลงกับธนาคารใหม่ เป็นทางออกนึง ที่สามารถทำได้นะครับ
แล้วก็ในส่วนนี้ ก็จะมีคนชอบมาแนะนำว่า ถ้าเราไม่มีทรัพย์สินชื่อเราเลย รายได้มาจากงานอิสระ รับจ้าง รับเงินสด หรือเงินเดือนน้อยกว่า 2 หมื่นบาท ก็ให้หนีหนี้ไปเลยแบบนี้นะ ส่วนตัวคือ ผมไม่ชอบนะ เราสร้างหนี้ เราก็ต้องจ่ายหนี้นะครับ รับผิดชอบสิ่งที่เราสร้าง รักษาเครดิตไว้จะดีกว่า แต่สุดท้ายแล้ว ชีวิตใครชีวิตมัน ดูแลกันเอง คิดกันเองล่ะครับ ยังไงก็ขอให้ โชคดีนะครับ
สนใจสินเชื่อตัวอื่นๆ กดลิ้งนี้เลยจ้า https://problemmoney.com/allloan/
ฝากติดตาม ผ่อนยืมกู้ออม ทุกช่องทางเลยนะครับ
Youtube https://problemmoney.click/YoutubeSub
Facebook https://problemmoney.click/Facebook
Tiktok https://problemmoney.click/Tiktok
Website https://problemmoney.com/
กดซื้อของ Shopee Lazada JD central ที่นี่ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้นะครับ
Shopee : https://problemmoney.click/ShopeeAff
Lazada : https://problemmoney.click/LazadaAff
JD central : https://problemmoney.click/JDCentral
ผ่อนยืมกู้ออม ปัญหาเรื่องเงิน