หน้าแรก
สำหรับ Tiktok
สมัครสินเชื่อต่างๆ
ลงทะเบียน สินเชื่อ
คำถามที่พบบ่อย
Privacy Policy
ติดต่อเรา
X
Blog Details
Home
Blog Details
29/11/2023
126 views
0
วิธีคิด วงเงินสูงสุด ที่คุณจะได้รับ เมื่อคุณกู้เงิน แบบคราวๆ
วิธีคิด วงเงินสูงสุด ที่คุณจะได้รับ เมื่อคุณกู้เงิน แบบคราวๆ
วงเงินคิดยังไง ดูคลิปนี้เลยนะครับ จะได้ เดาได้ว่า เราจะได้ประมาณ เท่าไหร่นะ
ก็ตามกฎหมายแล้ว สินเชื่อจะให้วงเงินกับเราได้สูงสุด 5 เท่าของรายได้ ที่รายได้มากกว่า 30,000 บาทต่อเดือน และ สินเชื่อจะให้วงเงินสูงสุด 1.5 ของรายได้ ที่รายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน และจะกู้ได้สูงสุด 3 สถาบันการเงิน
ก็ง่ายๆ ถ้าเงินเดือนเรา มากกว่า 30,000 บาท เรากู้ได้สูงสุด 5 เท่า เลย
เงินเดือน 30,000 วงเงินสูงสุด 150,000 บาท
เงินเดือน 40,000 วงเงินสูงสุด 200,000 บาท
เงินเดือน 100,000 บาท วงเงินสูงสุด 500,000 บาท
แถมกู้ได้ ไม่จำนวนสถาบันการเงินด้วย ทำให้ยอดวงเงิน อาจมากกว่า 20 – 30 เท่าของรายได้เลยนะครับ
แต่กรณีเงินเดือนเรา น้อยกว่า 30,000 บาท เราจะกู้ได้แค่ 1.5 เท่า
เงินเดือน 29,999 วงเงินสูงสุดราวๆ 45,000 บาท
เงินเดือน 20,000 วงเงินสูงสุดราวๆ 30,000 บาท
เงินเดือน 10,000 วงเงินสูงสุดราวๆ 15,000 บาท
ก็หายไปเยอะพอสมควรเลยนะ
แต่โดนอีกกรณีนึงคือ ถ้าเงินเดือนน้อยกว่า 30,000 บาท เราจะกู้ได้แค่ 3 สถาบันการเงิน เช่น เรากู้ กรุงไทย กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ เราก็จะไปกู้ที่อื่นไม่ได้แล้ว เพราะครบ 3 ที่แล้ว แต่ถ้าเราไปกู้ซ้ำในธนาคารเดิ่มเช่น กสิกรไทย มีให้เลือก Xpress Loan เงินก้อนเข้าบัญชี Xpress Cash บัตรกดเงินสด และ บัตรเครดิต กสิกรไทย แบบนี้นับแค่ 1 สถาบันการเงินเท่านั้น
ซึ่งวงเงินที่จะได้โดยประมาณแบบสูงสุด คือ 4.5 เท่านั้นเอง ถ้าเรากู้ 3 สถาบันการเงิน และ เขาให้เต็มวงเงินเลย เท่านั้น
เงินเดือน 29,999 วงเงินสูงสุดราวๆ 135,000 บาท
เงินเดือน 20,000 วงเงินสูงสุดราวๆ 90,000 บาท
เงินเดือน 10,000 วงเงินสูงสุดราวๆ 45,000 บาท
แต่ก็ต้องบอกเลยว่า ไม่มีทางได้สูงขนาดนี้ เพราะส่วนใหญ่เขาเช็คเครดิตบูโร ทำให้เราจะกดวงเงินเรานั้นเองนะ
ข่าวดี บางสินเชื่อ เขาให้โดยไม่ได้เช็คเรื่องเครดิตบูโร ผมเคยเจอคนที่เงินเดือน 15,000 บาท แต่เขามีสินเชื่อทั้งหมด 8 ที่เฉยเลย แถมใช้ได้ทุกที่ด้วย ซึ่งการที่มีหนี้เยอะ เป็นข่าวดีหรือเปล่า ก็ต้องคิดดีๆ และเรื่องนี้ ผมขอไม่พูดถึงสินเชื่อนะครับ เพราะเดียว ซวย
ข่าวร้าย วงเงินที่ผมบอกไป ทั้ง 5 เท่า 1.5 เท่า อะไรก็ตาม คือ วงเงินสูงสุด ที่เราจะได้นะ
ซึ่งวงเงินที่เราจะได้จริงๆ ก็จะโดนลดลงมาจากหลายๆเรื่องเลย
คุณมีหนี้เยอะหรือเปล่า คุณต้องจ่ายค่างวดต่อเดือนเยอะแค่ไหน คุณมีวงเงินที่ยังไม่ได้กด เยอะมากมั้ย
แน่นอน ถ้าคุณมีเยอะ ธนาคารย่อมให้วงเงินคุณน้อยลง เพราะว่ามันเสี่ยงที่จะให้ เงินกู้กับคนที่มีหนี้มหาศาล มันอันตรายเกินไป โอกาสที่จะไม่ได้เงินคืนมันสูงกว่าคนไม่มีหนี้นั้นเองนะ
ภาระเราเยอะหรือเปล่า ก็จะเทียบจากยอดเงินที่เหลือในบัญชีด้วยนั้นเอง ใครมีเงินเหลือเยอะ ธนาคารก็กล้าให้กู้เยอะ ใครที่หมดเดือนเหลือ 0 บาท ธนาคารก็ให้กู้น้อย
ภาระอื่นๆ เช่น บ้านผ่อนอยู่ บ้านเช่าอยู่ แต่งงาน มีลูก (คนที่แต่งงานไม่มีลูก ธนาคารก็มองว่า เดี่ยวคงมีลูก ก็คงจะมีภาระ) ก็ทำให้วงเงินที่ได้ น้อยลงไปอีก
บอกก่อนนะ ธนาคาร ไม่ใช่บริษัทแจกเงินให้คนลำบากนะครับ เพราะหลายครั้งที่มีคอมเม้นท์แนว คนกำลังลำบากก็ไม่ให้กู้ คือคนปล่อยกู้ เขาก็ต้องเลือกคนที่มีโอกาสคืนเงินกู้นะ มันคือธุรกิจ ลองมองว่า มีคนมายืมเงินเรา แล้วเรารู้ว่า เขายืมเงินคนอื่นแล้วไม่คืน เราจะให้ยืมหรือเปล่า ก็แบบเดียวกัน
ต่อมาคือเรื่องอาชีพ ก็บอกเลยว่า วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ คือ รายได้ของพนักงานประจำเท่านั้น อาชีพอื่นๆ ไม่เกี่ยว ถ้าเราเป็นอาชีพอิสระ พ่อค้าแม่ค้า วงเงินอาจได้แค่ 1-3 เท่าของรายได้ หายไปเยอะเลยล่ะ
เหตุผลคือ อาชีพพนักงานประจำ มันมั่นคง มีเงินเข้าทุกเดือน แถมไปอายัดเงินได้ด้วยถ้าลูกหนี้ หนี ไม่ยอมจ่ายเงิน ทำให้ได้เครดิตดีกว่า
ส่วนอาชีพอิสระ พ่อค้าแม่ค้า แค่รับเงินสด เขาก็อายัดเงินคืนไม่ได้แล้ว แถม รายได้ขึ้นๆ ลงๆ บอกไม่ได้ว่า เดือนหน้าจะได้เท่าไหร่ ทำให้ ธนาคารมองว่า มันคือความเสี่ยง
และ รายได้ที่ได้ ไม่ใช่รายได้จริง เพราะว่าส่วนใหญ่มักจะมีต้นทุน เช่น แม่ค้าขายเสื้อได้วันละ 3000 บาท เดือนละ 90,000 บาท ดูเยอะมาก แต่แม่ค้าก็ต้องเอาเงินไปซื้อเสื้อมาขาย สมมุติเดือนละ 60,000 บาท ต้องจ่ายค่าเช่าร้านอีกเดือนละ 10,000 บาท สรุป เหลือกำไรจริงๆแค่ 20,000 บาท แบบนี้ ธนาคารก็ต้องให้วงเงินจากเงินกำไร 20,000 บาทนั้นเองนะ
ก็จะเห็นคนมาบ่นบ่อยๆว่า เงินเข้าออกเป็นแสน เป็นล้าน แต่กู้ไม่ผ่าน เพราะส่วนใหญ่ เงินเข้า = เงินออก ไม่ก็เข้าแล้วออกเลย ไม่เหลือเงินในบัญชี เพราะต้องไปซื้อของมาขายต่อ ทำให้ธนาคารมองว่า ทำธุรกิจ ไม่มีกำไร เขาเลยไม่ให้กู้นั้นเองนะครับ ก็พยายามให้มีเงินเหลือหน่อยล่ะกัน
ซึ่งสำหรับคนที่ได้วงเงินน้อย หรือ คนที่ต้องการวงเงินเยอะๆ ก็จะมีวิธีนึงทำให้ได้วงเงินสูงขึ้น คือการ เอาทรัพย์สินไปค้ำประกัน หรือว่า มีผลิตภัณฑ์บางอย่างในธนาคาร อารมณ์ว่า ถ้าเราไม่จ่าย เขาก็สามารถเอาทรัพย์สินเรา ไปขายทอดตลาดเพื่อใช้หนี้ได้นั้นเองนะครับ
ก็สรุปอีกรอบนะ
ถ้าคุณเป็นพนักงานประจำ มีรายได้มากกว่า 30,000 บาท คุณน่าจะได้วงเงินกู้มากกว่า 5 เท่า เมื่อกู้หลายๆที่
แต่ถ้ามีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท คุณน่าจะกู้ได้เต็มที่ ราวๆ 3 เท่าของเงินเดือน ที่ 3 ธนาคาร
ซึ่งถ้าคุณมีหนี้เยอะ วงเงินก็ลด
ถ้าคุณมีภาระอื่นๆ บ้านเช่า ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ วงเงินก็ลด
ถ้าคุณไม่มีเงินเหลือในบัญชีเลย วงเงินก็ลด
ถ้าคุณทำอาชีพอื่นๆ ที่ไม่ใช่ พนักงานประจำ วงเงินก็ลดอีก
ก็ประมาณนี้นะครับสำหรับเรื่อง วิธีคิด วงเงินสูงสุด ที่คุณจะได้รับ เมื่อคุณกู้เงิน แบบคราวๆ
Post Views:
177
ผ่อนยืมกู้ออม ปัญหาเรื่องเงิน
Leave a comment
ยกเลิกการตอบ
บันทึกชื่อ, อีเมล และชื่อเว็บไซต์ของฉันบนเบราว์เซอร์นี้ สำหรับการแสดงความเห็นครั้งถัดไป
ผ่อนยืมกู้ออม ปัญหาเรื่องเงิน