หน้าแรก
สำหรับ Tiktok
สมัครสินเชื่อต่างๆ
ลงทะเบียน สินเชื่อ
คำถามที่พบบ่อย
Privacy Policy
ติดต่อเรา
X
Blog Details
Home
Blog Details
12/11/2024
4 views
0
15 เหตุผล ที่ทำให้คุณกู้ไม่ผ่าน พร้อมคำแนะนำเบื้องต้น
15 เหตุผล ที่ทำให้คุณกู้ไม่ผ่าน พร้อมคำแนะนำเบื้องต้น
ทำไมกู้ไม่ผ่าน หนึ่งในคำถามสุดฮิต ที่ผมเจอบ่อยๆ ก็เอาเป็นว่าคลิปนี้ จะมาเล่าให้ฟัง พร้อมแนะนำเบื้องต้น วิธีแก้ไข หรือ แนะนำสินเชื่อ ที่อาจจะช่วยให้คุณกู้ผ่านได้นะครับ
แต่ยังไงก็ต้องบอกว่า เหตุผลที่กู้ไม่ผ่าน ทั้งหมด 15 เหตุผล บางอย่าง คือมันไม่สามารถแก้ได้เลย แต่บางอย่างก็พอที่จะเลี่ยงได้ ดังนั้น ถ้าคุณดูคลิปนี้จบแล้ว มันไม่สามารถช่วยคุณได้จริงๆ ผมขออภัยด้วยนะครับ
ก่อนจะเริ่มเรื่อง ผมขอแนะนำว่า ถ้าคุณมีรถ มีบ้าน ชื่อตัวเอง ใช้สินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน แลกเงินก่อน จะทำให้คุณมีโอกาสกู้ผ่านสูง วงเงินเยอะ แต่ยังไงก็ต้องระวังไม่มีเงินจ่ายแล้วจะโดนยึดด้วยนะครับ
ถ้าไม่ว่าอะไรก็ฝากสมัครผ่านลิงค์ผมนะครับ สินเชื่อรถ เงินติดล้อ รถใหม่ได้บัตรกดเงินสดด้วย สินเชื่อรถของ TTB Drive สินเชื่อรถ KTC พี่เบิ้ม สินเชื่อรถ UOB Car 2 Cash สินเชื่อรถ ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ จะลงทะเบียนผ่านลิงค์ หรือติดต่อผมผ่านช่องทาง Line ก็ได้ แต่ระวังมิจฉาชีพเอาคลิปไปใช้ด้วย ผมไม่ขอเงิน ไม่คิดค่าบริการ ไม่ทำสินเชื่อผ่าน LINE นะครับ
เงินติดล้อ
https://problemmoney.com/register/
สินเชื่อรถ TTB DRIVE
https://problemmoney.com/ttbdrive/
KTC พี่เบิ้ม
https://problemmoney.click/KTCCarforLoan_1
UOB Car 2 Cash
https://problemmoney.click/UOBCar2Cash
หรือสินเชื่อบ้านของ CIMB Thai home Loan และ สินเชื่อบ้าน UOB ทั้ง 2 ที่ มีทั้ง สำหรับ คนซื้อบ้านใหม่ คนที่จะเอาบ้านไปแลกเงิน และ คนที่ผ่อนอยู่ สามารถไปรีไฟแนนซ์ เพิ่มวงเงิน รับเงินกู้มาใช้นะครับ
สินเชื่อบ้าน CIMB
https://problemmoney.click/CIMBHomeLoan
สินเชื่อบ้าน UOB
https://problemmoney.click/UOBHomeLoan
และสุดท้ายนี้ สินเชื่อทั้งหมด ผมจะบอกว่า สมัครได้ที่ไหนด้วยนะครับ ส่วนใหญ่จะเป็น แอป ที่โหลดจาก Play Store หรือ app Store จากนั้นอาจะต้องไปยืนยันตัวตนด้วย และอีกวิธีนึงคือ การลงทะเบียนผ่านเวปไซต์ รอพนักงานโทรมาหาเราอีกทีนึง
ไม่มีตัวไหน สมัครผ่าน LINE Facebook ข้อความต่างๆ และ ไม่ต้องโอนเงินก่อนด้วยนะครับ
================ ก่อนเริ่มฝากลิงค์ สินเชื่อแนะนำ 3 ลิงค์ เนื่องจาก จะพูดถึงบ่อยๆ ============= 4 สินเชื่อ Pay Later – https://youtu.be/d39WEoVK-Ro 5 สินเชื่อ ใช้แต่รายการเดินบัญชี E-Statement – https://youtu.be/Bx6VFwXKWNk 2 สินเชื่อ เงินเดือนน้อย รับเงินสด ทำงานเดือนเดียว แค่มีสลิปเงินเดือน – https://youtu.be/GS0_Aqfc8RE
มาเริ่มต้นกันเลยดีกว่า ก่อนพูดถึงเหตุผล 15 อย่าง ผมขอแบ่งเป็น 2 ส่วนก่อน คือ คุณกู้ไม่ผ่าน แบบ ทันที แค่ส่งเอกสาร หรือ ลงทะเบียนผ่านเวปไซค์ หรือ ลงทะเบียนผ่านแอปสินเชื่อ แล้วมันเด้งทันทีว่า ไม่ผ่าน กับ คุณกู้ไม่ผ่าน แบบ รอ 2 ชม 1 วัน 3 วัน หรือ หายไปเลย
มาเริ่มส่วนแรกก่อน คือ กู้ไม่ผ่านทันที ส่วนใหญ่เป็นเพราะ ข้อมูลที่เรากรอกไป มันติด ทำให้กู้ไม่ผ่านเลยนั้นเองนะ
แนะนำก่อนว่า ถ้ากู้ไม่ผ่านแบบนี้ การที่เราไปแก้ไขข้อมูล เพื่อกู้ใหม่ เป็นอะไรที่ผม ไม่แนะนำนะ ถ้าแนะนำ ให้ย้ายไปกู้สินเชื่อตัวอื่นแทน เพราะว่า ไปกู้ที่เดิม แต่เปลี่ยนอาชีพ เปลี่ยนที่อยู่ มันแปลกไปป่ะ ธนาคารเขารู้ไงว่าเราพยาบาลแก้ข้อมูล หรือ ใส่ข้อมูลเท็จ แบบนี้ มันอาจจะแย่กว่าเดิมนะครับ
จำไว้เลยนะ อย่าซ้ำ มันไม่ช่วยอะไรเลย
เรื่องที่ 1 อายุ ที่ไม่ถึง 20 ปี และ อายุที่มากกว่า 55 ปี กู้ไม่ผ่าน ทำยังไงต่อดี
เอาเป็นเรื่องอายุไม่ถึง 20 ปีก่อน
ต้องบอกว่า ตามกฎหมายบ้านเรา เขาไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี กู้เงิน ดังนั้น ใครอายุ 15 16 17 18 19 ยังไงก็ไม่ได้ ถึงน้องจะทำงานแล้ว ก็ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีสินเชื่อในระบบ ที่ปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีแล้วในวันนี้
ถ้าน้องๆ ต้องการเงินกู้ แนะนำให้ไปยืมพ่อแม่ หรือขอเบิกเงินก่อน จะดีกว่า
ที่นี้ คนที่อายุ 20 ปีพอดีล่ะ ก็จะมีปัญหาคือ ธนาคาร สินเชื่อ แต่ละที่ใช้วิธีคิดไม่เหมือนกัน
สมมุติ ผมเกิดวันที่ 15 สิงหาคม ปี 2547
วันที่สมัคร สินเชื่อ ผมสมัคร วันที่ 16 สิงหาคม ปี 2567
ก็คือ ผมอายุ 20 ปี กับอีก 1 วัน ก็ควรจะสมัครได้
บางที่ก็ให้สมัคร เพราะ ดูแล้ว อายุครบ 20 ปี พอดี
บางที่ก็ไม่ให้สมัคร เพราะเขาใช้วิธีดู ปีปฎิทินแทน ทำให้ผมต้องรอ ปี 2568 วันที่ 1 มกราคม ถึงจะมีสิทธิ์
บางที่ ขอ อายุ 21 ปีแทน ก็มีเหมือนกัน
ถ้าถามว่า จะรู้ได้ยังไงว่า ที่ไหน ให้คนอายุ 20 ปีสมัครได้ บอกตรงๆ ต้องไปถามที่ธนาคาร จะดีกว่า หรือ ให้เรานับปีปฎิทิน ข้ามไปอีกปีนึง อายุ 21 ปี ก็อาจจะดีกว่านะครับ
แต่ก็ต้องบอกเผื่อไว้ก่อน สำหรับน้องๆที่ต้องการกู้เงินไปเติมเกมส์ กู้เงินไปแทงบอล เล่นบาคาร่า พนันต่างๆ รวมถึง หุ้น คริปโต ค่าเงิน forex หรือ ลงทุนอะไรสักอย่างที่น้องไม่รู้เรื่อง แต่เขาบอกว่าการันตีผลตอบแทน ได้เงินเกิน 1% ต่อเดือน พูดง่ายๆว่า แชร์ลูกโซ่
พวกนี้ ยังไงก็พัง ชีวิตน้องยังต้องอยู่อีกหลายปี หยุดได้หยุด หยุดไม่ได้ ก็ต้องหยุดนะครับ เพราะสุดท้ายแล้ว วันนึง จะไม่มีใครช่วยน้องอีกแล้วนะ
สำหรับคนที่ อายุสูงกว่า 55 ปี
ไม่ใช่ว่า กู้ไม่ได้เลยนะ แต่กู้ยากเฉยๆ เพราะอายุเริ่มสูงแล้ว
หลายๆสินเชื่อ ก็จะจำกัดตั้งแต่ ห้ามคนอายุ 55 ปีขึ้นไป กู้สินเชื่อ
หรือที่เจอบ่อยๆคือ อายุคนกู้ รวมกับ สินเชื่อ ต้องไม่เกิน 60 ปี คือ ถ้าเราอายุ 58 ปี เรากู้ได้ 2 ปี เพราะรวมแล้วคือ 60 ปี นั้นเอง
แต่มีบางธนาคาร ให้ บางอาชีพ กู้ได้ถึงอายุ 70 ปีเลย แต่เราก็ต้องมี งานทำมีรายได้ด้วย
อีกกรณีนึงคือ สินเชื่อสำหรับผู้สูงอายุ ก็จะมี 2 แบบ คือ
สินเชื่อสำหรับข้าราชการเกษียณ | สินเชื่อ บำนาญ อารมณ์คือ กู้เงินก้อน แล้ว เอาบำนาญจ่ายคืนแทน
สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage : RM) คือ เอาบ้านที่เรามี ที่จ่ายหมดแล้ว ไม่ได้ผ่อนแล้ว ไปให้ธนาคาร จากนั้น ธนาคารก็จะจ่ายเงินมาให้เราเป็นรายเดือน แต่ต้องรู้ 2 เรื่องคือ ธนาคาร จะจ่ายให้แค่รายเดือนเท่านั้น ไม่ได้เงินก้อน และ เมื่อครบอายุสัญญาแล้ว บ้านก็จะเป็นของธนาคาร ถ้าเราตายช้ากว่าที่สัญญากำหนด เราอาจกลายเป็นคนไร้บ้านก็ได้นะ ระวังให้ดี
ก็ถ้าพูดตรงๆ สำหรับคนอายุสูง เลี่ยงการใช้สินเชื่อ เงินกู้ น่าจะดีที่สุด
ขอเตือนหน่อย สำหรับพ่อแม่ที่เกษียญแล้ว จะกู้เงินมาให้ลูกหลานไปทำทุน อย่าเลยนะ ปล่อยให้ลูกหลายเขาทำเองเถอะ เราเอาตัวเราให้รอดก่อน นอกจากว่าเงินเหลือแล้วเลยให้ ก็อีกเรื่องนึงนะครับ
ก็สรุปเรื่องอายุที่ทำให้กู้ไม่ได้ คือ ช่วงอายุต่ำกว่า 20 ปี ยังไงก็ไม่ได้ ส่วนคนที่อายุช่วง 20-21 ปี เช็คธนาคารให้ดี เพราะบางที่รับ บางที่ไม่รับ
ส่วนคนที่อายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไป ก็จะเริ่มกู้ยากแล้ว 60ปีขึ้นไป ต้องเช็คว่าที่ไหนให้กู้บ้าง และ ยังต้องมีรายได้ด้วย ส่วนคนสูงอายุกว่านั้น ก็จะมี สินเชื่อ บำนาญ สำหรับข้าราชการเกษียณ กับ สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ สำหรับคนมีบ้าน ซึ่ง มันอันตราย ไม่แนะนำให้ทำนะครับ
เรื่องที่ 2 ไม่ใช่คนไทย หรอ ไม่มีบัตรประชาชน
คือ โอกาสกู้ผ่าน แทบจะเป็น ศูนย์ เลยนะ
เหตุผลสั้นๆคือ มันไม่มีเอกสารเอาไว้ยืนยันตัวตน สินเชื่อก็กลัวว่า กู้แล้ว จะหายไปเลย ตามหนี้ไม่ได้
ดังนั้น ไม่มีบัตรประชาชน คือ กู้ไม่ได้เลย อย่างน้อยๆ ต้องมีบัตรประชาชนนะ
เรื่องนี้ก็ต้องขอโทษ คนไทย แต่ไม่มีบัตรประชาชนด้วย ผมไม่สามารถแนะนำอะไรต่อได้เลย
ส่วนใครไม่ใช่คนไทย แต่อยากกู้ พอมีสินเชื่อที่แนะนำ แต่บอกตรงๆ ว่ายากสำหรับคนที่มาสอบถามกับผมนะ เพราะคุณสมบัติเบื้องต้นที่เขาขอเพิ่มเติม สำหรับคนต่างชาติ ที่ต้องการกู้เงิน คือ ต้องมี สัญญาว่าจ้างงานบริษัท หรือ work promise 3 ปีขึ้นไป และ รายได้ประมาณ 50,000 บาทขึ้นไป เท่าที่ผมเคยเห็น ถ้าเป็นแรงงานต่างชาติ ที่รายได้ไม่ได้สูงมาก ไม่ได้ทำงานบริษัทใหญ่มาก ตำแหน่งไม่ได้สูง ผมไม่เห็นว่าจะมี สินเชื่อตัวไหน ให้กู้ยืมได้เลย
เอาเป็นว่า ถ้ามีโอกาสได้กลับประเทศเราเอง เราอาจจะไปกู้ที่ประเทศตัวเองแทนนะครับ
ก็สรุปว่า ถ้า ไม่ใช่คนไทย หรอ ไม่มีบัตรประชาชน คือกู้ไม่ได้เลยล่ะกันนะครับ
ไม่ได้ทำงาน ว่างงาน ไม่มีรายได้ เลยกู้ไม่ได้ ทำยังไงดี
คลิปนี้ก็จะมาเล่าให้ฟังในเรื่องที่ทำให้คนกู้ไม่ผ่านกัน สำหรับเรื่อง คนที่ไม่ได้ทำงาน ว่างงาน ไม่มีรายได้ เลยกู้ไม่ได้ ที่จริง คนที่มีรายได้ แต่ไม่เข้าบัญชี รับเงินสด ก็รวมด้วยนะครับ
เรื่องที่ 3 ไม่ได้ทำงาน
โดยพื้นฐานแล้ว สินเชื่อปล่อยกู้เฉพาะคนที่ มีงานทำเท่านั้น เพราะจะได้มีเงินมาจ่ายผ่อน จ่ายคืนสินเชื่อนั้นเอง ส่วนใครที่สงสัยว่า คนมีเงินจะกู้ทำไม แสดงคุณยังไม่รู้อะไรอีกเยอะ คนที่เป็นหนี้จนล้มละลาย คนรายได้เยอะทั้งนั้น
เอาเป็นว่าถ้าใครไม่ได้ทำงาน บอกเลยว่ายาก เพราะสินเชื่อเขากลัวว่า จะไม่มีจ่ายหนี้ ก็ใช่ ไม่มีรายได้ จ่ายหนี้ยังไงไหว
อย่างคนที่ลาออกจากงานมาเลี้ยงลูก แม่บ้าน พ่อบ้าน นักศึกษา นักเรียน ที่อายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป หรือ คนที่ดูแลพ่อแม่ ก็บอกเลยว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะกู้ เพราะไม่มีรายได้เข้ามาเลย
แต่ที่เรายังอยู่ได้ แสดงว่ามีคนให้เงินเดือนกับเราอยู่ใช่ป่ะ พ่อแม่ให้เงินเดือนลูก แฟนให้เงินเดือนเรา เพราะไม่งั้นคงอยู่ไม่ได้แล้ว ทำให้เราพอมีสิทธิ์อยู่
ก็จะมีแนะนำ 2 อย่าง คือ สินเชื่อ pay later กับ สินเชื่อที่ใช้เฉพาะ E-Statement
ซึ่งจะแนะนำว่า ให้เลือกเป็นอาชีพอิสระ หรือ พนักงาน (กรณีรับเงินเป็นเดือนๆ) น่าจะดีกว่า ไม่มีอาชีพ นักเรียน นักศึกษา หรือ ว่างงานนะ
สินเชื่อ Pay Later สมัครง่าย แต่ปัญหาคือ
เขาจะไม่ให้กดเงินออกมา ให้ใช้เฉพาะซื้อของเท่านั้น และผมไม่แนะนำให้ แลกวงเงินออกมาใช้ด้วย เพราะโดนโกงง่าย แถมผิดกฎสินเชื่อ ทำให้โดนแบล็คลิสได้ด้วย
เราจำเป็นต้องใช้บริการเขาถึงระดับนึงก่อน เขาถึงจะให้เราใช้ pay later
สินเชื่อที่ใช้เฉพาะ E-Statement
คือสินเชื่อที่ไม่เอา สลิปเงินเดือน ขอแค่ E-Statement ธนาคารเท่านั้น ซึ่งถ้าใครใช้ธนาคารหลักๆ อย่าง กรุงเทพ กรุงไทย กรุงศรี กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ทหารไทยธนชาต ก็ไม่มีปัญหานะ แต่ถ้าธนาคารอื่นๆ นอกจากนี้ อาจจะไม่สามารถกู้ได้
สุดท้ายก็ต้องของเตือนด้วยนะ เพราะเราไม่มีรายได้ ถ้าต้องการอะไรใหญ่ๆ เราควรไปคุยกับพ่อแม่ แฟน หรือคนที่ใช้เงินเดือนเรากินใช้ ก่อนนะครับ เพราะหนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ และ บานปลายได้ ถ้าใช้ไม่ดี และ คนที่มีเงินเดือน ส่วนใหญ่มักได้ วงเงินสูง และ ดอกเบี้ยต่ำ ด้วย อาจช่วยประหยัดดอกเบี้ยได้ ด้วย
ก็สรุปสำหรับคนที่ ไม่ได้ทำงาน คือส่วนใหญ่ ก็ต้องมีคนมาให้เงินแน่ๆ ละ ไม่งั้นอยู่ไม่ได้ ก็เลยจะแนะนำพวก Pay Later หรือ สินเชื่อที่ใช้แค่ E-Statement เท่านั้น ก็จะช่วยได้
เรื่องที่ 4 รายได้ไม่เข้าบัญชี รับเงินสด พนักงาน
ปัญหาโครตใหญ่เลย คือสินเชื่อทุกตัว อย่างน้อยๆต้องมีรายได้เข้าบัญชี หลายตัวอย่างนาโนไฟแนนซ์ ก็ยังขอ รายการเดินบัญชีเลย ทำให้คนที่รับเงินสด เหนื่อยมากๆ ถึงจะมีสลิปเงินเดือนก็เถอะ
ซึ่งผมก็จะขอแนะนำแยก คือ
สำหรับพนักงานประจำ ที่มีสลิปเงินเดือน หรือ ขอใบรับรองเงินเดือนได้ แต่ดันรับเงินสด ไม่มี Statement ก็จะมีสินเชื่อที่สมัครได้ 2 ตัว เพราะ สินเชื่อ 2 ตัวนี้ ขอแค่มีสลิปเงินเดือน หรือ ใบรับรองเงินเดือน ก็พอ ถึงรับเงินสดก็ไม่เป็นไร ก็คือ Promise กับ Amoney ซึ่งกดสมัครที่ลิงค์ด้านล่างได้เลย หรือใครจะไปดูคลิปนี้ก่อนก็ได้นะ บอกรายละเอียดหน่อย
ดูคลิปนี้นะครับ 2 สินเชื่อ เงินเดือนน้อย รับเงินสด ทำงานเดือนเดียว แค่มีสลิปเงินเดือน
ต่อมาคือ แม่ค้า พ่อค้า ตลาดนัด ที่รับเงินสด แต่มีพื้นที่ขายของประจำ ขายของมาแล้ว 1 ปี ไม่ไปไหน ประมาณนี้
ก็จะมี เฮงลิสซิ่ง
https://www.hengleasing.com/
ก็สามารถเข้าเวปไซค์ไปสมัครสินเชื่อ นาโนไฟแนนซ์ หรือ สินเชื่อตัวจริง เพื่อผู้ประกอบการ ได้เลยนะ ใครไปสมัครก็ฝากบอกหน่อยนะ ว่ามาจากช่อง ปันหาเงิน ผ่อนยืมกู้ออม นะครับ 555
อีกตัวนึงก็ ไทยเครดิต ที่มีสินเชื่อเพื่อ ร้านค้า อย่างต่ำ 1 ปีนะครับ
สำหรับไทยเครดิต ฝากบอกหน่อยนะ ถามเขาว่า เวลากู้เงิน เราโดนค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ เพราะปกติแล้ว ค่าธรรมเนียมควรไม่เกิน 5% และทางธนาคารแจ้งว่า ไม่เสียค่าธรรมเนียม หรือควรจะได้รับเงินเต็มๆ แต่มีคนมาฟ้องผมว่า โดนค่าธรรมเนียมเยอะกว่าปกติ ราวๆ 20% เลย ผมว่ามันแปลก เลยอยากแนะนำว่า ถ้าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมหลังอนุมัติรับเงิน ให้ธนาคาร ให้อัดวิดีโอให้พนักงานยืนยันตรงนั้น หรือ ติดต่อ 02 697 5454 ด้วยนะครับ เพราะไม่แน่ คุณอาจจะเจอ มิจฉาชีพ ในคราบพนักงาน อ้างนู้นนี่ เอาเงินคุณไปดื้อๆ นะครับ
และกลุ่มสุดท้าย ถ้าไม่ใช่พนักงานประจำ ไม่ใช่พ่อค้าแม่ค้า หรือ พ่อค้าแม่ค้าตลาดนัด ไม่ได้มีที่ขายเป็นของตัวเอง เหนื่อยเลยนะ
ก็ถามก่อนว่า มีรถ มีบ้าน หรือเปล่า ไปทางนั้นอาจจะง่ายกว่า
หรือดูกลุ่ม PayLater
ซึ่งมันต้องใช้เวลา และไม่ค่อยตอบโจทย์เท่าไหร่
ก็คงทำได้แค่ พยายามเอารายได้ เอาเงินที่คนอื่นให้ เข้าบัญชีธนาคาร อย่างต่ำ 7 เดือน ถึงจะมีสิทธิ์ ส่วนตัวแนะนำ ไทยพาณิชย์ หรือ กสิกรไทย ก็ดี
แล้วก็บอกเผื่อหน่อย เพราะมีคนมาต่อว่าผม ว่าถ้าเอาเงินเข้าบัญชี เดี๋ยวสรรพภกรเขาจะรับรู้ แล้วต้องเสียภาษี คือ ผมแนะนำในเรื่องของสินเชื่อ ถ้าคุณกลัวสรรภพกร ก้ไม่ต้องทำ แค่นั้น และ ผมไม่แนะนำให้คุณหนี หรือ หลีกเลี่ยงภาษีนะ แต่ก็คงไปบังคับคุณไม่ได้ ส่วนตัวผมก็จ่ายภาษีเต็มทุกอย่าง เพราะอนาคตไป หลบเลี่ยงภาษีมันจะยากขึ้นเรื่อยๆ นะครับ
เรื่องที่ 5 เงินเดือน ไม่ถึงเกณฑ์
บอกเลยว่า หลายคน ไม่ได้อ่านคุณสมบัติ ก่อนการสมัคร แล้วก็สมัครไม่ผ่าน ก็ปกติล่ะ
ส่วนนึงคือ เงินเดือนไม่ถึงขั้นต่ำที่เขาบอก สินเชื่อในระบบพวกธนาคาร มักจะขอเงินเดือนขั้นต่ำที่ 15,000 บาท ถ้าคุณเงินเดือน 12,000 ไปสมัคร มันไม่ผ่านก็ไม่แปลกนะครับ
แต่ถ้าคนรายได้ 15,000 ไปสมัคร ก็อาจไม่ผ่านด้วย เพราะหลายครั้ง คุณสมบัติเรื่องเงินเดือนที่แจ้งไว้ มักจะมองเงินเดือนที่เราได้หลังจากหักนู้นนี่นั้นแล้ว เงินเดือน 15000 บาท เราได้จริงอาจจะแค่ 13,000 บาท มันก็ไม่ผ่าน
บางที่เขาก็ไม่เอา OT มาคิด หรือ ถ้าคิดก็ เฉลี่ย 6 เดือน หาร2 ก็ได้ เพราะมันไม่แน่นอนอีก
ซึ่งคำแนะนำที่ง่ายที่สุดเลยนะ คือ ไปสมัครสินเชื่อที่ เขารับคุณสมบัติ เงินเดือนต่ำกว่าเงินที่เราได้เลย ต่ำกว่ามากๆ ยิ่งดีนะครับ ก็จะแนะนำ 2 กลุ่มคือ
กรณี มีสลิปเงินเดือน หรือ ใบรับรองเงินเดือน ก็คือ Promise กับ Amoney ซึ่งกดสมัครที่ลิงค์ด้านล่างได้เลย หรือใครจะไปดูคลิปนี้ก่อนก็ได้นะ บอกรายละเอียดหน่อย
กับอีกกลุ่มนึงคือ สินเชื่อที่ใช้แค่ E-statement ซึ่งพวกนี้ มักรับคุณสมบัติที่ รายได้ ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น
เรื่องที่ 6 อายุงานน้อย
ก็เข้าใจว่า ต้องการเงินไปซื้อของ เช่าหอ เช่าบ้านพัก หรือเงินไปใช้ในเดือนแรกๆ ของการทำงาน เพราะหลายคน มักไม่ได้อยู่บ้านแล้ว แต่ก็ไม่มีเงินก้อนพอที่จะจัดการได้ในช่วงแรกๆนะ
แต่ปัญหาคือธนาคารส่วนใหญ่ เขาไม่ให้คนอายุงานต่ำกว่า 6 เดือนเต็ม หรือ 7 เดือน กู้เงินเลย ซึ่งคุณก็มีทางเลือกอยู่คือ รอให้อายุงานครบ 6-7 เดือน ค่อยไปสมัคร หรือถ้าคุณมีสลิปเงินเดือน มีหนังสือรับรองเงินเดือน ก็จะมีที่แนะนำคือ Promise กับ Amoney ซึ่ง อายุงาน 1 เดือนขึ้นไป ก็มีสิทธิ์สมัครแล้ว คุณสามารถกดสมัครที่ลิงค์ด้านล่างได้เลย หรือใครจะไปดูคลิปนี้ก่อนก็ได้นะ บอกรายละเอียดหน่อย
และก็ขอนอกเรื่องหน่อยนะครับ สำหรับน้องๆที่พึ่งเริ่มทำงาน คำแนะนำจากพี่คนนี้คือ ระวัง อย่ากู้เงินเกินตัว อย่ากู้เงินไปซื้อความสุข นอกจาก สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ สินเชื่ออื่นๆ อย่าให้มันมากเกินไป ถ้าถามว่าแค่ไหนมากไป ก็ ยอดหนี้ที่ มากกว่า เงินเดือน คือมากไปแล้วนะครับ และการแก้หนี้ที่เยอะ อาจะใช้เวลาเป็นปีๆเลยนะครับ
เรื่องที่ 7 อาชีพบางอย่าง รับเหมาก่อสร้าง กลุ่มสีเทา และอาชีพที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
กรณีนี้อาชีพบางอย่าง ที่ว่าไป กู้ยาก อย่างรับเหมา หลายครั้งที่ไม่มีกำไร หรือพูดตรงๆ คือหนีงาน ใครทำอสังหา จะรู้เรื่องนี้ดีเลย นอกจากนั้นการรับเหมา มันคือการที่ย้ายที่ทำงานไปมาเรื่อยๆ ทำให้ธนาคารมองว่า ตามหนี้ยากนั้นเอง
ที่นี้เลยลามมาถึงกลุ่มคนงานในไซด์งานด้วย เพราะก็ต้องย้ายไปเรื่อยๆตามงานที่มี ธนาคารเลยมักจะไม่ให้เลย
อาชีพสีเทา มันผิดกฎหมาย ก็ไม่ต้องพูดถึง ถ้าไปสมัคร สินเชื่อก็อาจะส่งตำรวจมาแทนก็ได้
อาชีพที่ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง แบบนี้ธนาคารก็ไม่ชอบ
ถ้าให้สรุปจริงๆคือ อาชีพที่ ย้ายที่ทำงานไปเรื่อยๆ ธนาคารก็ไม่ค่อยชอบแล้ว
อาชีพที่ รับเงินบ้าง ไม่รับบ้าง ระบุรายได้ไม่ชัดเจน ธนาคารก็ไม่ค่อยชอบ
คือถ้าพูดตรงๆ บางทีลงว่าเป็น อาชีพ อิสระ อาจจะดีกว่า นะครับ หรือถ้าทำได้ การเปลี่ยนอาชีพไปทำอย่างอื่น ก็อาจจะดีกว่า โดยเฉพาะรับเหมาก่อสร้าง ระวัง ถ้าเราต้องกู้เงินไปสร้างให้คนอื่น ระวังให้มากๆเลยนะครับ
เรื่องที่ 8 เงินเข้าเป็นแสน วิ่งเป็นล้าน กู้ไม่ผ่าน
เพราะหลายครั้ง คนที่มีรายได้เข้าบัญชี เป็นแสน เป็นล้าน กู้ไม่ผ่าน ส่วนใหญ่มีจุดเดียวที่เหมือนกันเลยคือ รายจ่าย ก็เป็นแสน เป็นล้าน เงินเข้าบัญชีเท่าไหร่ ออกจากบัญชีเท่านั้นเลย ไม่มีเหลือเก็บเลย
เข้าใจว่า พ่อค้าแม่ค้าก็ต้อง ซื้อของมาตุน เพื่อเอาไปขายต่อ ทำกำไร ทำให้ไม่ค่อยมีเงินค้างในบัญชี
แต่สำหรับมุมมองธนาคาร เขาจะมองว่า เรา ไม่มีกำไร เพราะ รายได้ = รายจ่าย กำไรเลยไม่มี เงินเลยไม่เหลือ สุดท้ายเลย ไม่ให้กู้นั้นเองนะครับ เรื่องง่ายๆเลย
ถึงจะมีเงินเข้าเป็นล้าน แต่ถ้าออกหมดเกลี้ยง ธนาคารมองว่าเป็นแค่บัญชีทางผ่านเท่านั้น
ซึ่งสำหรับวิธีแก้ไขเบื้องต้น ก็แนะนำง่ายๆคือ เหลือเงินไว้ในบัญชีบ้าง เท่าที่ทำได้ เพื่อให้เราสามารถไปกู้เงินได้ เท่านั้นเอง
หรือจะมีกลุ่มสินเชื่อบางชนิด
อย่างคนที่ขายของออนไลน์ Shopee ก็จะมี SEasyCash for Sellers บริการสินเชื่อเงินสดสำหรับผู้ขาย แต่ก็ต้องขายของออนไลน์ระดับนึงด้วยนะ
หรือกลุ่มคนที่มี หน้าร้าน ค้าขาย ก็จะมี เฮงลิสซิ่ง
https://www.hengleasing.com/
กับ ไทยเครดิต 2 ตัว เป็นสินเชื่อนาโน ที่ต้องมีหน้าร้านด้วยนะครับ ถึงจะมีสิทธิ์ ก็กดลิงค์ใต้คลิปนี้ได้เลยนะ
เรื่องที่ 9 ทำงานต่างประเทศ
อีกกรณีนึงที่ คนถามบ่อยๆ คือ ไปทำงานที่ต่างประเทศ กู้ตัวไหนได้บ้าง เพราะส่วนใหญ่ กู้ไม่ผ่าน
ประเด็นคือ สินเชื่อส่วนใหญ่ ถ้าเขารู้ว่าเราไปอยู่ต่างประเทศ เขามักไม่ให้ เนื่องจาก ตามหนี้ยาก เข้าใจตรงกันเลยนะ
แต่มีคนบอกว่ากู้ได้ ซึ่งถ้าสรุปง่ายๆเลยนะ คนที่บอกว่ากู้ได้ เขามีบ้าน มีรถ ในไทย แถมรวยด้วย มีรายได้เยอะ ทำงานประจำในบริษัทชื่อดัง และ ไม่ได้ย้ายไปต่างประเทศภาวรด้วย แบบนั้นมันก็กู้ได้ล่ะ เพราะ มีบ้าน รถ ค้ำประกัน แถมมีเรื่อง บริษัทอะไรอีกด้วยนะ
แต่สำหรับคนที่ ไม่ได้มีบ้าน มีรถ เลย คนที่ไปแบบ ผิดกฎหมาย ผีน้อย อะไรก็ตาม ผมบอกเลยว่า มันยาก ถึง ไม่มีสิทธิ์เลย คือง่ายๆ ถ้าคนกลุ่มนี้ หนีหนี้ ธนาคารจะไปตามยังไง อยูต่างประเทศ เข้าใจตรงกันเลยนะ
เอาเป็นว่า ถ้ากลับไทย ค่อยสมัครน่าจะดีกว่า ส่วนการกดเงิน ทำเรื่องอะไรในมือถือ แนะนำให้ทิ้งมือถือไว้ที่ไทย น่าจะดีกว่า ให้คนที่ไว้ใจได้จัดการให้ เพราะถ้าไปกดเงินต่างประเทศ อาจโดนระงับได้ เพราะเขาจับสัญญาจาก IP ได้ แต่ก็ต้องรับความเสี่ยงด้วย ถ้าคนที่ไว้ใจได้ มันไว้ใจไม่ได้ งานเข้าเลยนะครับ
เรื่องที่ 10 สินเชื่อในมือเยอะเกินไป
เวลาเราสมัครสินเชื่อผ่านแอป จะมีจุดนึงที่เกือบทุกแอปถามคือ คุณมีสินเชื่อที่สมัครแล้ว หรือกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาหรือเปล่า อาจจะให้ใส่ตัวเลข หรือ ให้กดเลือกว่า มากกว่า 3 ตัว หรือ น้อยกว่า 3 ตัว
อันนี้ก็ต้องบอกเลยว่า กรณีเงินเดือนต่ำกว่า 30,000 บาท ตามกฎ ธนาคารแห่งประเทศไทย เขาจะให้เราสมัครสินเชื่อไม่เกิน 3 สถาบันการเงิน
ก็บอกตรงๆ ถ้าเรามีเกิน 3 ตัว คือ สมัครไม่ผ่านอยู่แล้ว ซึ่งก็คงมีหลายท่านคิดว่า ก็ โกหก หรือ ให้ข้อมูลเท็จ ไปสิ จะได้สมัครได้
ผมก็เตือนหน่อยล่ะกัน บางทีมันก็ผ่าน มันก็ได้ แต่ถ้าธนาคารจับได้ ก็คงโดนแบล็คลิส เหมือนกัน เพราะให้ข้อมูลเท็จ
แต่ถ้า เงินเดือน มากกว่า 30,000 บาท ก็ไม่จำกัดสถาบันล่ะ แต่จะไปดูที่ รายจ่าย ยอดชำระหนี้ และ วงเงินที่มีแทนนะครับ
และอยากเตือนหน่อยว่า ถ้าสินเชื่อเราเยอะเกินไป การกู้เงินในกรณีนี้ เท่าที่ผมเห็นคือ กู้มาจ่ายหนี้ นั้นคือสัญญาณเตือนว่า ชิบหายแล้ว นะครับ จำไว้เลย ใครที่ต้องกู้มาจ่ายหนี้ มันเริ่มพังแล้ว คุณรอดเดือนนี้ เดือนหน้าก็ตายอยู่ดี แถมมันจะ แย่กว่าเดิมด้วยนะ
เรื่องที่ 11 ส่งเอกสารไม่ครบ
เจอบ่อยมาก เรื่อง เอกสารไม่ครบ มาคุยกับผมว่าทำไมสินเชื่อไม่ให้ผ่าน คุยไปคุยมา เอ้า ไม่ได้ส่งเอกสาร เหนื่อยเลย เอาเป็นว่า ที่เจอบ่อยๆ คือ
บัตรประชาชน หมดอายุ หรือไปส่งรูปบัตรเก่า ที่ไม่ใช่บัตรใหม่ไป ทำให้สมัครไม่ได้
ส่ง Statement ไม่ครบ 6 เดือน เจอบ่อยมาก คือธนาคาร ต้องการ 6 เดือนเต็ม ผมเลยแนะนำว่า เราควรใช้ 7 เดือนขึ้นไป ก่อนที่จะสมัครสินเชื่อ คนที่ใช้บัญชีมา 5 เดือน 29 วัน กู้ไม่ผ่น ก็เรื่องนี้ด้วย หลายคนเห็นว่า เกิน 5 เดือน เข้าสู่เดือนที่ 6 แล้ว ก็น่าจะยื่นกู้ได้เลย ไม่น่ามีปัญหา บอกเลยว่า มีนะ แนะนำจริงๆ คือ เข้าสู่เดือนที่ 7 ค่อยสมัคร ชัวร์สุด
ส่ง Statement ธนาคาร ที่ไม่มีการเดินบัญชี หรือ ธนาคารที่ไม่ได้รับรายได้ มีทั้งแบบ ก็ธนาคารบอกให้ส่ง เลยส่งไป คือส่งแบบนี้ไปอันเดียว ธนาคารมองว่าคุณไม่มีรายได้นะครับ และอีกอันที่เคยเจอแบบ น่ารักๆ คือ กลัวธนาคารดูดเงินจากบัญชี เลยไม่กล้าส่งบัญชีที่มีเงิน มีรายได้ไป แนะนำไม่ถูกเลย
ส่ง Statement คนอื่น ก็เจอเหมือนกัน เพราะบอกว่า ตัวเองไม่มี Statement เลยเอาของคนอื่นไปส่ง แบบนี้ไม่ได้นะ จะกู้เงิน ก็ต้องเอกสารตัวเองเท่านั้น ใช้เอกสารอื่นๆ ไม่ได้เลย
ถ่ายรูปไม่ชัด เบลอ เอกสารมองไม่เห็น ก็แนะนำให้ไปถ่ายรูปให้ชัดๆ แค่นั้นล่ะครับ
เรื่องที่ 12 ยืนยันตัวตนไม่ผ่าน
อีกเรื่องที่เจอเรื่อยๆ คือ เรื่อง ยืนยันตัวตนไม่ผ่าน
มักเกิดกับผู้หญิง มากกว่าผู้ชาย
อย่างแรก ให้ดูรุปตัวเองในบัตรประชาชน ถ้ารูปมันด่างๆ ลอกๆ ให้ไปทำบัตรประชาชนใหม่ หรือ เอาแป้งมาทาหน้าให้เหมือนกัน ไม่ได้ล้อเล่นนะ พูดจริง มีคนทำแล้วผ่าน เป็นเรื่องตลกไปเลยล่ะ
ต่อมา สำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่ และ ผู้ชายผมยาวๆ
เอาผมทัดหู ให้เห็นหู เห็นทั้งหน้า เหมือนในบัตรประชาชน ดูบัตรประชาชนด้วยก็ดี
อย่าแต่งหน้าจัดมาก แต่งให้เหมือนบัตรประชาชนก็พอ
ใครไปศัลยกรรม ให้ไปทำบัตรใหม่ด้วย ไปทำยืนยันที่ธนาคารใหม่ด้วย ระบบมันไม่อัพเดทตามที่เราศัลยกรรมมานะครับ
ทั้งหมดที่พูดไป ผมพูดเพราะ คุณยืนยันตัวตนไม่ผ่าน ไม่ได้ว่าเรื่องแต่งหน้า ทำผม ศัลยกรรมนะครับ ถ้าไม่พอใจก็ ขอโทษน้า
สำหรับการ กู้ไม่ผ่าน แต่ต้องรอ คือ เราส่งเรื่องแล้ว เขารับเรื่องไปแล้ว แล้วก็รอ รอ อาจจะ 1 วัน 3 วัน แล้วเขาส่งกลับมาบอกว่า ไม่ผ่าน แบบนี้ น่าจะไม่ใช่เรื่องที่เรากรอก แล้วนะครับ เป็นเรื่องอื่น ก็จะมาพูดกันต่อเลย
เรื่องที่ 13 ยอดผ่อนเกิน 60% ของรายได้
เอาจริงๆ เกิน 40% ก็ไม่น่าจะมีที่ไหนให้กู้แล้ว เพราะว่าคนกู้ มักจะจ่ายไม่ไหวแล้ว
เงินเดือน 20,000 บาท เราก็ผ่อนได้เต็มที่ 8,000 – 12,000 เท่านั้น เขาก็คิดแบบนี้เลย ไม่งั้นคนกู้จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าผ่อนค่าหนี้
เวลาธนาคารปล่อยกู้ นอกจากเรื่องวงเงินที่เรามี เรื่องของที่เราผ่อนอยู่ก็มีผลเยอะ ใครผ่อนบ้าน ผ่อนรถ บอกเลยว่า กู้ยากนะครับ แต่ถ้าประวัติดี อาจช่วยได้ หรือ ไปรีไฟแนนซ์ เพิ่มวงเงิน ดึงเงินกู้มาใช้ ก็ได้นะครับ
แต่ยังไงก็อยากจะแนะนำเรื่องนึงนะครับ สำหรับคนที่ จะกู้มาเพื่อจ่ายหนี้ เพราะน่าจะมาเจอปัญหานี้แน่นอน คือ กู้ไม่ผ่านเพราะหนี้เยอะ จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายหนี้ ประมาณนี้
ผมแนะนำสั้นๆ คือ ทำบัญชีรายรับรายจ่ายก่อน และ เอาหนี้ทั้งหมดมาจดดูว่า ตัวไหน จ่ายเท่าไหร่ต่อเดือน หนี้ทั้งหมดเท่าไหร่ ดอกเบี้ยเท่าไหร่
จากนั้นก็ต้องเลือกว่าจะทำยังไงต่อ
รวมหนี้เป็นก้อนเดียว แต่ต้องได้ดอกเบี้ยต่ำลง ผ่อนนานขึ้น จะได้จ่ายสบายหน่อย และโปะได้
เจรจาเจ้าหนี้ เพื่อขอลดค่าผ่อน หรือจ่ายแต่ดอกเบี้ย แนะนำให้บอกไปเลยว่า จ่ายได้แค่ไหนด้วย ไม่ใช่ให้ธนาคารคิดให้เรา
กรณี รวมหนี้ไม่ได้ เจรจาไม่ได้ ทำไรไม่ได้ อาจจะแนะนำให้ปล่อยหนี้เสียพร้อมกัน หยุดจ่าย รอ 120 วัน ไปคลินิกแก้หนี้ by sam ซึ่งผ่อนนาน 10 ปี ดอกเบี้ยต่ำมาก ผ่อนหนี้ 100,000 จ่ายราว 1200 บาทต่อเดือนมั้ง
หยุดจ่าย เก็บเงิน ย้ำ เก็บเงิน รอเจรจา ต่อรอง อารมณ์ว่า ขอจ่ายก้อนเดียวปิดหนี้ได้ไหม อาจได้ส่วนลดในการปิดหนี้ด้วย
กรณีสุดท้าย สำหรับคนที่ ไม่มีอะไรเลย คือรอล้มละลาย ซึ่งมันใช้เวลานานมาก แต่ผมไม่แนะนำล่ะกัน เรายืมมา เราก็ควรคืนไป
บอกนิดนึง ตาม tiktok ที่บอกว่า ไม่ต้องจ่าย รอคุยศาล ได้ส่วนลด 50% มันแล้วแต่คนนะ ไม่ใช่ทุกคนจะได้ นอกจากนั้น ส่วนลดที่ว่า มันเป็นค่าธรรมเนียม ค่าตามทวงหนี้ ค่าดอกเบี้ย เงินต้นธนาคารไม่ได้ลดให้เท่าไหร่หรอกนะ
และสุดท้าย คุณต้องแก้นิสัยตัวเองด้วย อย่าไปโทษคนอื่น
เอาเป็นว่า ประมาณนี้ล่ะกัน สำหรับคนที่คิดจะกู้หนี้ ไป จ่ายหนี้นะครับ
เรื่องที่ 14 ติดเครดิตบูโร จ่ายช้า มีประวัติ
เป็นอีกเรื่อง ที่เป็นปัญหาสำหรับหลายๆคนที่มาถามผม
ต้องบอกก่อนว่า ติดเครดิตบูโร มันไม่ใช่แค่ ติด หรือ ไม่ติด เครดิตบูโร เขาให้เป็นคะแนน เท่านั้นเองนะ
มีคนบอกบ่อยๆว่า สินเชื่อตัวนี้ ถ้าติดบูโร กู้ยังไงก็ไม่ผ่าน แบบนี้ ไม่จริง
เพราะคนติดเครดิตบูโร มีหลายแบบ ลองฟังเล่นๆดู
คนแรก เคยจ่ายช้า 1 เดือน ปัจจุบัน จ่ายปกติ
คนสอง เคยจ่ายช้า 3 เดือน ปัจจุบัน จ่ายปกติ
คนที่สาม ไม่จ่ายเลย ปัจจุบันก็ไม่จ่ายเลย
ทั้ง 3 คนนี้ ติดเครดิตบูโรเหมือนกัน แต่ คะแนนไม่เท่ากัน ทำให้ คนที่ 1 กับ 2 ไปขอกู้เงิน มีโอกาสผ่าน
ส่วนคนที่ 3 ไม่ต้องพูดถึงก็ได้
มีคนไปยืมเงินคนอื่นแล้วไม่จ่าย มายืมเงินเรา เราจะให้หรือเปล่า ก็แค่นั้นเองนะครับ
และอีกเรื่อง เรียกว่า แผลสด หรือ แผลเป็นก็ได้นะ คือคนที่เคยมีประวัติ จ่ายช้าไป 1 เดือน แต่ตอนนี้ จ่ายปกติแล้ว อีก 3 เดือน ไปขอกู้ธนาคาร ธนาคารอาจไม่ให้ เพราะว่ามีแผลสด 3เดือนก่อนจ่ายช้า น่ากลัวอ่า แต่ถ้ารอ 18 เดือน ไปสมัคร ธนาคารอาจมองว่า แผลเป็น งั้นไม่เป็นไร ปล่อยกู้ได้ ก็มี เพราะธนาคารก็จะมีกฎในการปล่อยสินเชื่อเป็นของตัวเองด้วยเหมือนกัน
ส่วนคำแนะนำ กรณี อยากกู้เงิน นอกจากเรื่อง มีรถ มีบ้าน เอาไปแลกเงิน ก็จะมีบางสินเชื่อที่แนะนำด้วย
ฝากหน่อย ถ้ามีรถ มีบ้าน ผมมีสินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน แลกเงิน ด้วยนะ ฝากสมัครในลิงค์ด้วยนะครับ
ส่วนที่เหลือก็จะแนะนำ 5 ตัวนี้นะครับ
ดูคลิปนี้นะครับ 5 สินเชื่อแนะนำ ที่ไม่ต้องมีสลิปเงินเดือน ขอแค่มีรายการเดินบัญชี E-Statement ก็พอ
พูดตรงๆเลย ว่า ถ้าใครลอง 5 ตัวนี้แล้วไม่ได้ ผมก็จนปัญหาแล้ว
เรื่องที่ 15 กู้ถี่เกินไป
คนที่ กู้ถี่ๆ กู้ติดๆกัน กู้บ่อยๆในช่วงเวลานึง มักจะ ติดแท๊กซิ่ง ทำให้กู้ยาก
โดย แท๊กซิ่ง มันจะไปขึ้นใน เครดิตบูโร เพราะเวลามีคนมาขอสินเชื่อที่ธนาคาร เขาก็จะส่งเรื่องไปขอเอกสารเครดิตบูโรว่า คนๆนี้ มีเครดิตเป็นยังไงบ้าง
แต่ทีนี้ ถ้าเราไปขอ 5 ธนาคารพร้อมกัน ก็แย่เลย 5ธนาคารนั้นก็ไปยื่นเรื่องเช็คเครดิต ทีนี้ เครดิตบูโรเลยมีขึ้นเตือนเลยว่า มีการขอเช็คเครดิตบูโรบ่อยผิดปกติ ซึ่งการขึ้นแบบนี้ ก็คือการติด แท๊กซิ่งนั้นเองนะครับ
แล้วการกู้ถี่เกินไป แค่ไหนเรียกว่า กู้ถี่ล่ะ ผมไม่มีคำตอบที่แนะนำ แต่มีแค่คำแนะนำคือ กู้ 1 ที่ ต่อ สัปดาห์ เขาเรียกว่า ค่อนข้างถี่แล้ว
ที่แนะนำกันคือ 2 ครั้ง ต่อเดือน เท่านั้น หรือ 2 สัปดาห์ กู้ทีนึง ก็พอได้นะ
ใครกู้ถี่ๆเยอะๆ บอกเลย สินเชื่อปล่อยยาก เพราะมันดูผิดปกติ
แนะนำสำหรับคนที่กู้ไม่ผ่านสักทีเลย ให้หยุดกู้อย่างต่ำ 3 เดือน จะดีกว่า
หรือไปดู สินเชื่อรถ บ้าน ถ้ามี
เรื่องที่ 16 ซวย แถมให้เลย
ถ้า 15 เรื่องที่คุณอ่านมา คุณมั่นใจว่า ไม่ใช่เราแน่นอน
ผมบอกตรงๆว่า คุณอาจจะซวยก็ได้นะ เพราะ เหตุผลที่กู้ไม่ผ่าน ส่วนใหญ่ก็ตามนี้เลย
นอกเหนือจากนี้ ผมนึกไม่ออกแล้วจริงๆครับ ยังไงก็ ขออภัยด้วยนะครับ ที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้
ก็ประมาณนี้เลยนะ สำหรับ 15 เหตุผล ที่ทำให้คุณกู้ไม่ผ่าน พร้อมคำแนะนำเบื้องต้น ก็หวังว่า จะช่วยได้ ไม่มากก็น้อย แต่ถ้าช่วยไม่ได้เลย ก็ขอโทษจริงๆ เพราะ สินเชื่อ เขามีกฎของเขา ถ้าเราไม่ผ่าน เขาก็ไม่ให้ มันก็มีแค่นี้นะครับ
ตอนนี้ผมก็เปิดช่องทางให้สอบถามส่วนตัว และ แนะนำสินเชื่อด้วย อาจจะไม่ได้ตอบเร็ว ก็ขอโทษนะครับ เพราะทำคนเดียว ไม่มีเงินไปจ้างคนมาช่วย แต่ถ้าเห็น ก็จะพยายามช่วยนะครับ
สุดท้ายนี้ ช่องนี้ ไม่แนะนำให้คุณไปกู้เงิน แต่ก็ไม่ห้ามถ้าคุณจะกู้เงิน แค่แนะนำช่องทางต่างๆเท่านั้น กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว นะครับ
Post Views:
0
ผ่อนยืมกู้ออม ปัญหาเรื่องเงิน
Leave a comment
ยกเลิกการตอบ
บันทึกชื่อ, อีเมล และชื่อเว็บไซต์ของฉันบนเบราว์เซอร์นี้ สำหรับการแสดงความเห็นครั้งถัดไป
ผ่อนยืมกู้ออม ปัญหาเรื่องเงิน